Category: ความรู้การบิน Aviation Knowledge

House of Airmanship

จะเป็นนักบินที่ดีต้องมี Airmanship เรื่อง airmanship นั้นผมเคยเขียนไปแล้วสั้น ๆ ในหนังสือ A Pilot เล่มแรก วันนี้จะมาเขียนอีกครั้งแบบเต็ม ๆ ว่า Airmanship นั้นมันคือ อะไร ยังไง เรื่องการบินนั้น แน่นอนต้องมีเครื่องบินกับนักบิน แต่การบินพาณิชย์นั้นไม่ได้บินคนเดียว ลำเดียว การบินพาณิชย์มีเครื่องบินอยู่บริเวณเดียวกันหลาย ๆ ลำ Airmanship สำหรับการบินพาณิชย์จึงมีองค์ประกอบของการมีมารยาทที่จะบินด้วยกันบนน่านฟ้าด้วย เรื่องนี้นักบินด้วยกันรู้ดีว่า การเอาเปรียบกันบนน่านฟ้าแบบไหน ที่เรียกว่า นักบินขาด airmanship เกริ่น ๆ ไว้เท่านี้ครับ พูดถึงเรื่อง airmanship ตามทฤษฏีกันดีกว่า airmanship นั้นหมายถึง การที่นักบินมีการตัดสินใจที่ดีต่อการปฏิบัติการบินในสถานการณ์ใด ๆ หรือตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ในการบิน บางทีผมอยากแปลว่า มารยาทในการบินเข้าไปด้วย ผมแปลจากความเข้าใจและประสบการณ์นะครับ ไม่ได้อ้างอิงตำรับ ตำราที่ไหน จะเข้าเป้าตามหลักวิชาการขั้นปริญญาเอกหรือเปล่าไม่ทราบ เอาเป็นว่า airmanship แบบผม เป็นแบบนี้ องค์ประกอบของการที่นักบินคนหนึ่ง จะมีความสามารถที่จะตัดสินใจอะไร ๆ ระหว่างการบินได้อย่างถูกต้องนั้นมีหลายองค์ประกอบร่วม ตาม House of Airmanship ของ Kern ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนพื้นฐาน หรือ Bedrock Principles ส่วนของความรู้ หรือ Pillars of Knowledge และส่วนที่เป็นผลลัพธ์จาก […]

Airmanship

จากบทความเรื่อง “Airmanship ฉบับโสภณ” หนังสือ A Pilot Book by Captain Sopon Phikanesuan (ซื้อหนังสือได้ที่ shopee และ facebook page (ลาซาด้าไม่ได้วางจำหน่าย) คำว่า Airmanship แปลตามพจนานุกรม หมายถึง ทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ และวิธีการทำงานที่ทำให้การควบคุมเครื่องบินมีความปลอดภัย อันนี้ผมพยายามแปลตรง ๆ ดู ตามหนังสือเขาว่าไว้ว่า Airmanship ประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ ทักษะในการทำงานและรวมถึงความรู้ในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการบิน (Skill) ความเชี่ยวชาญหรือประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงความสามารถในการนำความรู้ไปใช้งาน (Proficiency) และความมีระเบียบวินัยในการปฏิบัติงาน (Discipline) ผมว่าเขียนตามหลักวิชามันน่าเบื่อ เหมือนเอาหนังสือมาแปลให้อ่าน เขียนตามความเข้าใจและที่อยากให้คนอ่านเข้าใจดีกว่า (ว่าแล้วก็ปิดตำรา และมาต่อกันที่ความเข้าใจส่วนตัวละกันครับ) ถ้าจะให้อธิบายความหมายจากความรู้สึกส่วนตัวจริง ๆ ไม่อิงตำราหรือหนังสือที่ไหน Airmanship ผมขอแปลว่า  “กึ๋น” ครับ สั้น ๆ เลย Airmanship มันคือ กึ๋นในการทำงานของนักบิน มันเป็นตัวบอกว่า นักบินคนนั้น เป็นนักบินที่ดีหรือไม่ มีการทำงานที่มีช่องโหว่แห่งอุบัติเหตุหรือไม่ จริง ๆ การบินเป็นอะไรที่ง่ายและไม่ซับซ้อน ถ้ารู้และเข้าใจ รวมทั้งรู้ศักยภาพของตัวเองด้วย (อันสุดท้ายนี่สำคัญมาก) การบินเพื่อให้ทุก ๆ เวลามีความเสี่ยงภัยน้อยที่สุด หรือลดดีกรีความรุนแรงของปัญหาให้เร็วที่สุดและมากที่สุด การบินเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย และมีความซับซ้อนมากที่สุดเช่นกัน โดยเฉพาะกับนักบินที่ยังขาด Airmanship ที่ดี และอีกพวกคือพวกที่มีความมั่นใจไร้สติ (Overconfidence) พวกนี้มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุมากที่สุด เพราะอาจจะทำอะไรที่เป็นการแหกกฏ […]

รูปแบบของปีกเครื่องบินและ wingtips

ปีกของเครื่องบินแบ่งออกเป็นหลายประเภทแบบคร่าวๆได้ ดังนี้: ปีกแบบตรง (Straight Wing): เป็นปลายปีกที่มีรูปร่างเรียบและตรง ส่วนมากใช้ในเครื่องบินที่มีความเร็วในการบินที่ไม่สูงมาก เช่น เครื่องบินอู่ฮัย อีโรเพลน ที่ใช้ในการบินในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปีกแบบไบโพลาร์ (Swept Wing): ปลายปีกมีรูปร่างเหลี่ยมมุมกับเส้นตรงที่คาดว่าจะลากเหมือนกับเส้นตรงของตัวเครื่องบิน เครื่องบินแบบนี้มีประสิทธิภาพที่ดีในเรื่องของความเร็ว ใช้ในเครื่องบินเช่น เครื่องบินโบอิ้ง 747 และ แอร์บัส A320 ปีกแบบหาง (Delta Wing): ปลายปีกมีรูปร่างเป็นสามเหลี่ยม มักใช้ในเครื่องบินที่มีความเร็วสูงและสามารถทำการบินแบบเหลื่อมล้ำ (supersonic) ได้ เช่น เครื่องบินคองคอด (Concorde) ปีกแบบปีกบินด้วยพลังงาน (Winglet): ปลายปีกมีส่วนขยายออกมาด้านบนหรือด้านล่างเป็นรูปร่างเหมือนการงองอย่างเส้นตรงหรือเป็นโค้งเล็กน้อย ปลายปีกแบบนี้ช่วยลดการสร้างเสียงดัง เช่น เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 การเลือกใช้ปลายปีกขึ้นอยู่กับการออกแบบและการใช้งานของเครื่องบิน ปลายปีกแต่ละแบบมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันและมีประโยชน์แตกต่าง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความต้องการของการบินในแต่ละกรณี และการพัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการบิน ส่วนคำว่า Wingtips หมายถึงส่วนปลายปีกของเครื่องบินที่มีลักษณะของปลายปีกที่บานออกไปตามแนวนอน เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่อยู่ท้ายสุดของปีก ปลายปีกเป็นส่วนที่มีความสำคัญในการกำหนดคุณสมบัติบินของเครื่องบิน เพราะมีผลต่อเสถียรภาพและประสิทธิภาพของการบิน Wingtips มีหลายรูปแบบและสไตล์ต่าง ๆ ซึ่งอาจมีผลต่อประสิทธิภาพบินและการลดการเสียเวลาในอากาศ. รูปแบบที่พบบ่อยได้แก่: Winglet: Winglet เป็นส่วนที่บิดงอขึ้นบนปลายปีก เพื่อเพิ่มพื้นที่สองข้างของปลายปีกและลดการสร้างเสียงดัง ทำให้เครื่องบินบินได้ดีขึ้นและลดการใช้เชื้อเพลิง Sharklet: Sharklet เป็นรูปแบบของ winglet ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับการันต์ของปลาฉลาม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบินและประหยัดเชื้อเพลิง Blended Winglet: Blended Winglet เป็นรูปแบบที่ผสมระหว่างปลายปีกและตัวเครื่องบิน มีลักษณะที่พองออกมาจากปลายปีกเพื่อลดแรงต้านอากาศและประสิทธิภาพการบินที่ดีขึ้น Wingtips มีประโยชน์ในการลดการสร้างแรงต้านอากาศและเสียเวลาในการบิน ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบิน […]

Baggage กระเป๋าขึ้นเครื่อง กับ กระเป๋าเช็คอิน ต่างกันอย่างไร

ความยืดหยุ่นในการพกพาสัมภาระของสายการบิน (Airline baggage allowance) หมายถึงกฎเกณฑ์และข้อจำกัดที่เฉพาะเจาะจงโดยสายการบินเพื่อกำหนดขนาด น้ำหนัก และจำนวนกระเป๋าที่ผู้โดยสารได้รับอนุญาตให้พกพาหรือจัดส่งระหว่างการเดินทางทางอากาศ ข้อกำหนดเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสายการบิน ประเภทตั๋วที่ใช้ จุดหมายปลายทาง และชั้นเดินทาง นี่คือบางข้อสำคัญในการพิจารณาเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การพกพาสัมภาระของสายการบิน: กระเป๋าโดยสารในเครื่อง (Carry-on Baggage): ส่วนใหญ่สายการบินอนุญาตให้ผู้โดยสารพกพาจำนวนกระเป๋าหรือสิ่งของบางอย่างขึ้นเครื่องไปกับตนเองในเครื่องบิน โดยบางครั้งนี้อาจรวมถึงของส่วนบุคคลขนาดเล็กหรือกระเป๋าขนาดใหญ่ขึ้นที่เรียกว่ากระเป๋าโดยสาร สายการบินจะกำหนดขนาดสูงสุดและน้ำหนักสูงสุดของกระเป๋าเหล่านี้โดยทั่วไป กระเป๋าสัมภาระที่เช็คชื่อ (Checked Baggage): กระเป๋าสัมภาระที่เช็คชื่อหมายถึงกระเป๋าขนาดใหญ่หรือหนักกว่าที่ผู้โดยสารส่งให้สายการบินรับรองในระหว่างกระบวนการเช็คชื่อ กำหนดการพกพาสัมภาระที่เช็คชื่ออาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสายการบินและชั้นเดินทาง โดยทั่วไปจะใช้หน่วยวัดเป็นจำนวนกระเป๋า น้ำหนักต่อกระเป๋า และขนาดสูงสุด ข้อจำกัดเกี่ยวกับน้ำหนัก: สายการบินมักกำหนดข้อจำกัดน้ำหนักสำหรับกระเป๋าทั้งที่พกพาและที่เช็คชื่อ ข้อจำกัดน้ำหนักนี้ถูกกำหนดเพื่อให้ความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการดำเนินงานของเครื่องบิน การเกินข้อจำกัดน้ำหนักอาจเกิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหรือจำเป็นต้องจัดการกระเป๋าใหม่หรือลดสิ่งของในกระเป๋า ข้อจำกัดเกี่ยวกับขนาด: สายการบินยังกำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าทั้งในกระเป๋าโดยสารและกระเป๋าสัมภาระที่เช็คชื่อ ข้อจำกัดเหล่านี้มักอธิบายตามความยาว ความกว้าง และความสูง และเป็นเพื่อให้กระเป๋าสามารถจัดเก็บได้อย่างปลอดภัยในช่องบรรจุของเครื่องบินหรือช่องบรรจุสินค้า สัมภาระเกินกำหนด: หากผู้โดยสารเกินกำหนดสัมภาระที่ได้รับอนุญาต อาจต้องชำระเงินเพิ่มสำหรับน้ำหนักเกินหรือกระเป๋าเ กี่ใบเสริม ค่าใช้จ่ายสำหรับสัมภาระเกินกำหนดสามารถแตกต่างกันไปอย่างมากที่สุด ในการเดินทาง ควรตรวจสอบและเข้าใจกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการพกพาสัมภาระของสายการบินก่อนเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น สายการบินมักจัดหาข้อมูลที่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายของสายการบินเกี่ยวกับสัมภาระในเว็บไซต์ของพวกเขาหรือในการยืนยันการจอง นอกจากนี้ สถานะแบบมีบัตรครบครัน ชั้นเดินทาง และโปรแกรมสมาชิกสายการบินอาจมีสัมภาระเพิ่มเติมหรือการยกเว้นสัมภาระบางประเภท

ทำไมจึงมีเวลาแค่เพียง 90 วินาทีในการอพยพ 90 seconds for Evacuation? Why?

ผมเขียนเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ A Pilot Book Part II หน้า 141 Evacuation ตัวเลข 90 วินาทีนั้นมาจากไหน ทำไมจึงต้องใช้เวลา 90 วินาที การอพยพเป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญสำหรับการรับรองความปลอดภัยของเครื่องบิน เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วก่อนที่ A380 จะเริ่มออกทำการบินรับผู้โดยสารได้อย่างเป็นทางการนั้น บริษัท แอร์บัส จะต้องทำการทดสอบระบบของเครื่องบิน เพื่อให้ได้รับการรับรองว่า ผู้โดยสารทั้งลำ จะสามารถอพยพออกจากเครื่องบินได้ทุกคนภายในเวลา 90 วินาที (เครื่องบินรุ่นอื่นๆก็ต้องทำการทดสอบนี้เช่นกัน โพสต์นี้ยกตัวอย่าง A380) ประเด็นของเครื่องบินแอร์บัส A380 นั้นเป็นการทำสถิติที่น่าสนใจเนื่องจากเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่บรรทุกคนได้มากขึ้นกว่า B747-400 ที่เป็นเครื่องบินโดยสารรุ่นใหญ่สุดในตอนนั้น Airbus จึงจะต้องทำสาธิตให้เห็นว่าเครื่องบินรุ่นนี้นั้นทำการอพยพคนตามจำนวนที่นั่งสูงสุดที่สามารถใส่ในเครื่องบินรุ่นนี้ได้ตัวเลขเมื่อใส่เฉพาะเก้าอี้ชั้นประหยัดทั้งหมดคือ 873 คน ทุกคนต้องออกจากเครื่องบินได้ภายในเวลา 90 วินาที และจากการทดสอบในครั้งนั้นทีมแอร์บัสสามารถทำได้ในเวลาเพียง 77 วินาทีเท่านั้น (เริ่มจับเวลาจากวินาทีที่ได้รับคำสั่งให้อพยพจากภายในห้องนักบินและผู้โดยสารทุกคนต้องนั่งในที่นั่งและรัดเข็มขัดนิรภัยตามปกติ) และในการทดสอบนี้ก็มีข้อกำหนดด้วยว่าประตูฉุกเฉินนั้นจะสามารถเปิดออกและกาง slides (ทางลาดฉุกเฉิน) ได้เพียงครึ่งเดียวของที่มีอยู่ เช่นถ้ามีประตู 16 ประตู การทดสอบอนุญาตให้เปิดได้เพียง 8 ประตู และจะต้องทำการทดสอบในเวลากลางคืนอีกด้วย ข้อกำหนดนี้ใช้สำหรับเครื่องบินทุกแบบรวมถึงการนำเครื่องบินรุ่นใหม่ๆเข้ามาใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร จะต้องทำการสาธิตว่าสามารถทำขั้นตอนการอพยพได้ภายในเวลา 90 วินาทีเช่นกัน ในวีดีโอจึงค่อนข้างมืดและต้องถ่ายด้วยกล้องอินฟาเรด อุปกรณ์ที่จะช่วยให้ออกจากเครื่องบินภายใน 90 วินาที มีหลายอย่าง หนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่ต้องมีอยู่บนเครื่องบินโดยสารคือ Floor Proximity Light หรือแถบไฟนำทาง เป็นส่วนหนึ่งของระบบ emergency lighting system ที่จะสว่างขึ้นทันทีที่มีคำสั่งให้อพยพออกจากเครื่องบิน แถบไฟนำทางที่อยู่ที่พื้นนั้นจะเป็นเส้นยาวไปถึงประตูทางออกของเครื่องบินทั้งสองฝั่ง […]

1 2 3 18
0
0