First Solo

ผมขี้นเครื่องบินครั้งแรกคือ เดินทางจากจังหวัดเลยมาสนามบินดอนเมืองราวๆ กลางเดือนพค. 2535 ออกจากแปลงสำรวจเหมืองทองคำที่นั่นเพื่อมาลงทะเบียนและรายงานตัวเรียนปริญญาโท ที่จุฬาฯ จำได้ว่าเป็นช่วงพฤษภาฯทมิฬ แต่เป็นไฟล์ทบังคับที่ต้องมา เพราะเราต้องเรียนป.โท ตามเกณฑ์ของทุนพสวท.ที่ทุกคนต้องจบอย่างน้อยป.โท

ผ่านไปอีกหนึ่งปีเศษ 

ได้ขึ้นเครื่องบินอีกครั้งตอนเป็นศิษย์การบิน

จำได้ว่าตื่นเต้นมากและอยากอ้วกมากด้วย 555

ครูผมไม่อยู่มีงานราชการ 

ท่านผอ.ศูนย์ฝึกฯ สมัยนั้น จึงมาเป็นครูฝึกให้ผมและเพื่อน

เครื่องบิน Piper Warrior เครื่องยนต์เดียวแบบใบพัด

เที่ยวบินแรกเป็นการ familiarization บินตรง บินระดับ ยังเป็นเรื่องยาก เลี้ยวไปเลี้ยวมาจนเวียนหัว แต่นั่นไม่ทำให้ผมรู้สึกเสียวหรือกังวลอะไร บินไปบินมาสนุกดี

บินสักพักครูท่านสูบไปป์กลิ่นเชอร์รี่ 

แรกๆ ก็หอมดีครับ 

แต่การ บินตรง_บินระดับ ในครั้งแรกของการจับคันบังคับ 

มันไม่ตรงและไม่ระดับนะสิครับ

กลิ่นหวานๆของไปป์ มันทำให้ เวียนหัว สุดจะบรรยาย 

เป็นประสบการณ์ที่ดีมากในครั้งแรก 

แบบว่าฝึกสภาพร่างกาย ไม่ให้อ้วกใส่เครื่องบิน 555

เราสองคนขึ้นด้วยกันไปตลอด พร้อมกับครูฝึกอีกหนึ่งท่าน

ช่วงแรกต้องมีครูขึ้นบินด้วยเสมอ 

จนกว่าจะบินได้คล่องแล้ว สามารถ landing ได้อย่างปลอดภัยแล้ว ครูจึงจะปล่อยให้เรา Solo Flight

Solo Flight คือการบินเดี่ยว ขึ้นบินคนเดียว 

first solo flight ครูจะให้บินแค่เที่ยวเดียวเท่านั้น 

คือ takeoff ขึ้นไป บินเข้า downwind เลี้ยวเข้า base leg 

และเลี้ยวต่อเข้า final เพื่อ landing

วัน solo ของนักบิน เป็นวันในความทรงจำ 

มันเป็นความรู้สึกว่าเราทำได้แล้วนะ เราบินได้ ประมาณนั้น

ครูปล่อยให้ solo เพื่อเรียกความมั่นใจให้กับลูกศิษย์เท่านั้นครับ 

หลังจากนั้นจะบินกับครูอีกเป็นระยะๆ ปล่อย solo ทีละเที่ยว สองเที่ยว เพื่อให้ได้อยู่บนฟ้าคนเดียว แต่ห้ามบินนาน เพราะครูคงเสียวและเป็นห่วง

ผมไม่ใช่คนแรกในรุ่นที่ได้ปล่อยเดี่ยว 

แต่เป็นบัดดี้ผม ที่ปล่อยเดี่ยวก่อนหนึ่งวัน

ผมเป็นคนถัดมา

แต่การบินเดี่ยวครั้งแรกของผม เรียกคนดูได้ตรึมกว่า ^__^

นอกจากเพื่อนนักบิน ครูการบินแล้ว 

มีช่างและพนักงานอื่นๆ มารอลุ้นเต็มสนามบิน

เขามาลุ้นและตื่นเต้นไปกับผมด้วยครับ

วันนั้นหลังขึ้นบินกับครูได้สักพัก 

ท่านบอกว่า มั่นใจหรือยัง 

ภาพถ่ายโดย Matheus Bertelli จาก Pexels

ผมตอบทันทีว่ามั่นใจครับ นึกในใจว่า ครูน่าจะถามผมเมื่อวาน ผมก็ตอบคำเดียวกันนี่แหละ

เอ้า งั้นเดี๋ยว full stop landing แล้วให้ครูลงที่ซุ้มมดแดง (ซุ้มมดแดงเป็นชื่อเรียกศาลาที่พักเพื่อรอขึ้นบิน อยู่ข้าง ๆ รันเวย์ของสนามบินหัวหิน)

ผมทำตามในทันทีครับ

ครูท่านลงไปแล้วบอกผมว่า 

ไป solo เที่ยวเดียวพอ ขึ้นไปแล้วกลับมา full stop landing นะ

ผม taxi ไปเตรียมวิ่งขึ้น ตื่นเต้นนิดๆครับว่าไม่มีครูอยู่ด้วยนะเว้ย บินดีๆ เครื่องยนต์ไม่ดับ ถึงดับก็จะบินลงมาให้ได้ตามที่ครูบอกไว้

จำได้ทุกคำสอน

ผมเร่งเครื่องยนต์ไปตามรอบ (RPM) ที่ครูสอนไว้ 

และเชิดหัวขึ้นเบาๆตามที่ฝึกมา

“Airborne แล้วโว้ย” เสียงคำพูดนี้ดังลั่นเต็มสมอง  

แต่เดี๋ยวก่อน ดีใจได้แป๊ปเดียวครับ

ฉิบ_ายล่ะ เสียงอะไรว่ะ ดังสนั่นลั่นทุ่ง cockpit

สิ่งแรกที่คิดหลังจากนั้นคือ “บังคับเครื่องบินให้ได้ก่อน”

เข้า downwind บินระดับแล้วค่อยว่ากัน

ตอนนั้นบังคับเครื่องบินได้เกือบปกติ 

แต่รู้สึกว่ามีแรงต้านมากกว่าปกติที่ด้านขวา

เหลียวซ้าย แลขวา มองดูรอบ ๆ แล้ว เสียงเกิดขึ้นใกล้ตัวเรานี่เอง “ประตูด้านขวา ปิดไม่สนิท มันเผยอออกมา”

ลมจึงกระแทก แทรกเข้ามาได้ เกิดเป็นเสียงดัง

แต่ปัญหาคือ เราจะต้องเลี้ยวขวาเพื่อเข้า crosswind leg

ถ้าเลี้ยวแล้วประตูมันจะกางออกไปไหม 

ถ้าระหว่างเลี้ยว แล้วประตูตกลงไปตอนเครื่องเอียง

มันจะกลายเป็น drag (แรงต้าน) 

แล้วเครื่องบินจะทรงตัวได้ไหม หรือจะหล่นตุบ stall ลงพื้นไป

ผมเรียกวิทยุไปที่หอว่า มีความผิดปกติเกิดขึ้น 

แจ้งไปว่า “ประตูปิดไม่สนิท” 

ขอบินตรงไปอีกสักระยะหนึ่ง 

จะลองปิดประตู ผมลองเอื้อมไปพยายามปิด “ไม่สำเร็จ”

สักพักมีเสียงครูจิระ ครูฝึกของผม เรียกมาทางวิทยุ

“คอนโทรลเครื่องได้ปกติไหม”

“ได้ครับ”

“ลองพยายามปิดดู”

“ลองแล้วครับ ดึงไม่เข้า ลมมันน่าจะแทรกเข้าแล้วต้านไว้” 

“ประตูยังปิดอยู่ครับ ผมดึง ๆ เอาไว้ด้วยครับ”

“เดี๋ยวต้องเลี้ยวขวา เข้า crosswind”

“ค่อย ๆ เลี้ยว shallow bank (เอียงน้อย ๆ) 

ถ้าเห็นว่าประตูมันถ่างออกเพิ่ม ให้รีบคืน bank นะ (เอียงกลับ)” 

“ครับ”

“โอเคครับ bank ได้ ประตู ไม่หลุดออกครับ”

“งั้นโอเค shallow bank นะ 

ทำ wide pattern (วงจรการบินที่กว้างกว่าปกติ)”

หลังจาก downwind ก็จะเป็นการเลี้ยวเข้าสนาม 

เราเรียกช่วงนั้นว่า “Base Leg”

เลี้ยวขวาอีกเหมือนกัน

ผมทำแบบเดิม และเข้า final 

ตอนอยู่ final leg เห็นคนตรึมเลย ที่ซุ้ม มดแดง พนักงานทั้งศูนย์ฝึกฯ (มั้ง) ทุกคนมาเฝ้ารอดูการลงสนาม “อย่างนิ่มนวล” ของผม 

My first solo landing

รถดับเพลิง (Rescue and Fire Fighting) นี่มารอแล้ว

เพื่อนบอกว่า กูลุ้นฉิ_หาย

“แต่มึงแมร่ง คนปรบมือกันเกรียว ลงดีว่ะ”

ตลอดเวลาบนฟ้าคนเดียว ไม่ถึง 20 นาทีด้วยซ้ำ 

แต่ทำให้เรารู้สึกว่ามันนาน

ครูของผม ท่านเหมือนไม่ตื่นเต้น แต่คงเป็นห่วง 

เพราะชั่วโมงบินเรายังน้อย 

คงกลัวเราสติแตก 

แต่จริง ๆ ชีวิตผมเคยเจอสถานการณ์ฉุกเฉินมาเยอะแล้ว 

เรื่องนี้ตื่นเต้นแป๊ปนึง ตอนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น 

แต่พอรู้ว่าเป็นอะไร ก็เลิกตื่นแล้ว

ท่านตบไหล่ผมดัง “ปั้ก” 

“ครูก็ผิดเองที่ไม่ปิดให้ดี“ 

(ครูลงจากเครื่องไปก่อนหน้าที่จะปล่อยให้ผมบินเดี่ยว)

ผมพูดกลับไปว่า “ผมผิดเองที่ไม่ได้ crosscheck ครับ”

“อืมมมม ไปวิ่งรอบ taxiway 3 รอบนะ 

ถือเป็นการทำโทษที่ไม่ตรวจเช็คให้เรียบร้อย”

“ครับผม”

วิ่งกลางแดดเปรี้ยง ร้อนตับแลบ แต่เป็นการวิ่งที่มีความสุข

เป็นการวิ่งที่ได้เตือนสติตัวเอง

เป็นการวิ่งที่เราได้คิดและไตร่ตรองในความผิดพลาด

เป็นการวิ่ง 3 รอบสนามบิน

ที่ทำให้เราได้คิดและจดจำมาจนทุกวันนี้

My first solo มันคือบทเรียนเล่มแรกของผมเกี่ยวกับ SAFETY

หลังจากนั้นผมหาอ่านและศึกษาเรื่องสาเหตุของเครื่องบินตก

และความสะเพร่าของการบินมาตลอด

จนปัจจุบันนี้ ก็ได้อ่าน ได้ทำเรื่องเกี่ยวกับ SAFETY และการหาแนวทางป้องกันและปรับปรุงอยู่ทุกวัน ในฐานะ Safety Manager ของสายการบินนกแอร์ 

บอกเลยครับว่าเรื่องนี้ สนุก 

“SAFETY”

Comments are closed
0
0