The End of A380
อนาคตของเครื่องบินแอร์บัส A380 อาจจะไม่สวยงามเท่าไหร่นัก หลังจากที่แอร์บัสได้ประกาศเลิกผลิตเครื่องบินรุ่นนี้ในปี 2021 เนื่องจากไม่มียอดสั่งซื้อเครื่องบินมากเพียงพอต่อการดำเนินโครงการต่อไป การประกาศปิดโครงการนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สายการบินเอมิเรตส์ประกาศไม่ทำสัญญาสั่งซื้อเครื่องบิน A380 เพิ่มเติม หลังจากการระบาดของ โควิด-19 สถานการณ์ของเครื่องบินแอร์บัส A380 ก็ยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่อสายการบินแทบทุกสายที่มีเครื่องบินรุ่นนี้ต้องถอดเครื่องบินออกจากตารางบินเนื่องจากปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางลดลง ผลกระทบจากกระบวนการทางสาธารณสุขของแต่ละประเทศ ซึ่งในขณะนี้มีหลายประเทศแล้วที่ได้รับผลกระทบและประกาศเพิ่มมาตรการเข้าออกประเทศ ตั้งแต่ สหรัฐอเมริกา อิตาลี เดนมาร์ก ฯลฯ ทำให้สายการบินต่างๆจำเป็นต้องปรับแผนธุรกิจกันอย่างสุดความสามารถ หลายๆสายการบินก็ได้รับผลกระทบหนักจนต้องลดเที่ยวบินถึงกว่า 70 เปอร์เซนต์ การระงับการบินของเครื่องบิน A380 จึงเกิดขึ้นทั่วโลกจนถึงตอนนี้ หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ไปนาน มันก็จะสร้างผลกระทบกับสายการบินอย่างยาวนานด้วยเช่นกัน และโอกาสที่เครื่องบินแอร์บัส A380 จะได้บินขึ้นฟ้าอีกครั้งก็ดูเหมือนจะเลือนลางเข้าไปทุกที เครื่องบินแอร์บัส A380 เป็นเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ Super Jumbo ต้นทุนในการใช้เครื่องบินก็มีราคาแพงสนนราคาของ A380 ก็ใหญ่ตามตัวไปด้วย A380 ราคาขายประมาณ 432.6 ล้านเหรียญ หรือ 13800 ล้านบาท โปรเจคต์สร้างเครื่องบินรุ่นนี้นั้นเชื่อว่าแอร์บัสใช้เงินพัฒนากว่า 20000-25000 ล้านยูโร หรือ กว่า 8 แสนล้านถึงหนึ่งล้านล้านบาท (แพงจัง)
เส้นเหลือง
สถานการณ์ที่ประเทศไทยเป็นอยู่ขณะนี้คือ การพยายามยืด (ถ่าง) เส้นแดงออกให้เป็นเส้นขาวหรือเส้นเหลือง ตัวเลขของผู้ป่วยก็จะน้อยลง เฟสบุ๊คของอ.ยืน ภู่วรวรรณ อธิบายเรื่องการคำนวณ กับ COVID-19 ข้อดีของการยืด (ให้ยอดกราฟต่ำ) 1.ผู้ป่วยจะมีจำนวนไม่มากเกินไป บุคลากรทางการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์มีเพียงพอที่จะรับมือได้ไหว 2.การยืดเวลาออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็จะทำให้ โอกาสที่จะมีองค์ความรู้เพิ่มขึ้น จากการพัฒนาของนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วโลก และอาจทำให้มีการพัฒนายารักษาโรคนี้ขึ้นมาได้แล้ว ถ้ามีการพัฒนาขึ้นมาได้จริง คนไทยก็อาจจะไม่ต้องเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการระบาดเลยก็เป็นได้ บางคนอาจคิดว่า การยืดเวลาออกไปทำให้กระทบกับปัญหาเศรษฐกิจยาวนาน ผมคิดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นเป็น global affect มันมาจากภาวะของทั้งโลก หากประเทศไทยปล่อยให้เป็น curve สีแดง เราอาจจะต้องประกาศปิดประเทศ ซึ่งผลกระทบน่าจะหนักกว่าเดิมและแน่นอนว่าต้องมีคนตายเพิ่ม และไม่ใช่แค่ป่วยตาย อ่านวิทยากาคำนวณของอ.ยืนไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ขอให้คิดแค่นี้ครับว่า “เราต้องช่วยกันยันให้อยู่ ทำให้การระบาดในระยะที่ 3 มาช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้” ทบทวนกันหน่อย1.ล้างมือบ่อยๆ2.ไม่ล้วงแคะแกะเกาจมูกและปาก โดยเฉพาะเมื่อมือไม่สะอาด(สองข้อแรกนี้เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ)3.หากจะไอหรือจามให้ไอหรือจามใส่ข้อพับแขน บางคนอาจสงสัยว่าเพราะอะไร คือ ปกติเราจะไอหรือจามเราเอามือปิดปาก ทีนี้มือก็จะติดเชื้อที่ออกจากปากและจมูกเรา (อาจมีเชื้อ) หากเราไปจับแก้ว จับบันได ลูกบิดประตู ฯลฯ เชื้อก็จะไปติดตามสิ่งของเหล่านั้นเป็นการแพร่เชื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ ดูแลรักษาสุขภาพกันนะครับ#apilotbook #apilotclub
